เสียงธรรมจากห้อง “เมตตาภิรมย์กรรมฐาน”
วันเสาร์ที่ 9 สิงหาคม 2568
เรื่อง กรรมฐานยามสงคราม
โดย อาจารย์ คณานันท์ ทวีโภค
กำหนดสติในความรู้สึกตัวทั่วพร้อม สติรู้ทั่วร่างกายตั้งแต่ศีรษะจรดไปถึงปลายเท้า จากปลายเท้าจรดไปถึงทั่วร่างกายจนถึงศีรษะ จากนั้นกำหนดผ่อนคลายร่างกายกล้ามเนื้อทุกส่วน ผ่อนคลายร่างกายปล่อยวางร่างกาย กำหนดความรู้สึกที่ปลดปล่อยผัสสะความเชื่อมโยงความคล่องแวะสนใจในอาการทางกายทั้งหมดออกไป ปล่อยวางเพื่อตัดร่างกายขันธ์ 5 กำหนดรู้กายเพื่อปล่อยวางร่างกาย วางเวทนาในกาย วางความเกาะเกี่ยวความห่วงความกังวลจากการมีร่างกายทั้งหลาย แยกกายแยกจิตแยกรูปแยกนาม ปล่อยวางจนจิตดิ่งรวมลึกเข้าสู่ความสงบ ทรงสภาวะที่จิตของเราปล่อยวางจากเวทนาขันธ์เข้าถึงความสงบ ไม่รู้สึกถึงกาย ปล่อยวางกาย
เมื่อจิตรวมลงสู่ความสงบแล้ว เราก็มากำหนดรู้ในลมหายใจสบาย จินตภาพเห็นลมหายใจเป็นเหมือนกับแพรวไหมพริ้วผ่านเข้าออกในกาย ลมหายใจเข้าเรารู้ลมหายใจออกเรารู้ สติรู้ในลมหายใจที่ละเอียดเบาสงบ รู้ลมรู้ความรู้สึกของลมสบาย ความสงบปราศจากนิวรณ์ ลมหายใจยิ่งละเอียดยิ่งเบา จิตเรายิ่งสงบสบาย ปลอดโปร่งละเอียดเบาสบาย สลายความกังวลทั้งปวง มีแต่ความเบามีแต่ความสงบของลมหายใจ วางทุกเรื่องราวทุกสิ่ง มีแต่ความสงบ ทรงสภาวะที่จิตอยู่กับความสงบปล่อยวาง ใช้อานาปานาสติในการระงับความวุ่นวายความฟุ้งซ่านความกังวลนิวรณ์ 5 ประการทั้งหลาย สลายไปพร้อมกับลมหายใจสบาย ลมหายใจที่เป็นเหมือนกับแพรวไหม ทรงอารมณ์สบายจากอานาปานาสติไว้ ลมหายใจแห่งความสงบลมหายใจแห่งความผ่องใส ลมหายใจแห่งความละเอียด กลายเป็นลมหายใจที่มีความศักดิ์สิทธิ์
เมื่อทรงอารมณ์จนมีความสบายตั้งมั่นในฌานสมาบัติ กำหนดจิตต่อไป นิ่งหยุด หยุดจิตหยุดความคิด หยุดลมหายใจ นิ่งหยุด หยุดจิตเข้าสู่เอกัคคตารมณ์เข้าสู่อุเบกขารมณ์ จากอุปจารสมาธิคืออารมณ์ที่ทรงไว้ในลมหายใจสบายๆ ยกกำลังใจขึ้นสู่ฌานสี่ ในอานาปานสติเป็นฌานสี่ใช้งานนิ่งหยุด หยุดเป็นตัวสำเร็จ หยุดอกุศลจิต หยุดการปรุงแต่งทั้งหลาย หยุดความวุ่นวายทั้งปวง หยุดการเกิดภพการต่อชาติ นิ่งหยุด สติรู้ว่าเราจะหยุดการเกิด หรือเราจะต่อการเกิดต่อไป ตรงนี้ก็ถือว่าเป็นการทรงอารมณ์ในฌานพร้อมกับพิจารณาเป็นวิปัสสนาญาณควบรวมเป็นหนึ่งทั้งสมถะและวิปัสสนา หยุดอกุศลหยุดการเกิด หยุดสังสารวัฏ นิ่งหยุด หยุดเป็นตัวสำเร็จ สำเร็จมรรคผลนิพพาน ให้จิตเราตอนนี้พิจารณาถึงในสมัยพุทธกาล ที่พระพุทธองค์ทรงตรัสกับท่านองค์คุลีมาลว่าเราหยุดแล้วแต่ท่านยังไม่หยุด ตอนนี้ก็ให้เรากำหนดสติประดุจพระพุทธองค์ทรงตรัสกับจิตของเราว่า เราจะหยุดไหม หยุดอกุศลกรรม หยุดภพจบชาติ หยุดการเวียนว่ายตายเกิด กำหนดนิ่งหยุด ในขณะที่เราเคลื่อนเดินสมถะ ให้กำลังของสมถะยกระดับให้สูงขึ้นไปในแต่ละขั้น เราก็พิจารณาในวิปัสสนาญาณไปในแต่ละขั้นด้วยพร้อมกัน ผนวกพร้อมกันไป จากนิ่งหยุดเราก็กำหนดให้เห็นจุด คือจุดแห่งเอกัคคตารมณ์ จุดที่จิตนิ่งหยุดเป็นหนึ่งเดียว จากจุดขยายเป็นวงกลม วงกลมก็คือความว่างคือสุญญตา ว่างจากกิเลส กำหนดให้เห็นเส้นวงกลมเป็นศูนย์ สุญญตา จากสุญญตาว่างจากกิเลส
กำหนดเส้นวงกลมสองมิติให้กลายเป็นดวงแก้ว ดวงแก้วใสขึ้นเป็นกสิณ จากดวงกสิณก็ค่อยๆกำหนดขึ้นให้กลายเป็นอุคหนิมิตคือเป็นดวงแก้วใสสว่าง ดวงแก้วใสสว่าง กำหนดยิ่งสว่างจิตเรายิ่งผ่องใส จิตเรายิ่งเกิดจิตตานุภาพ จากดวงแก้วที่ใสๆมีแสงสว่าง ก็กำหนดให้ปรากฏขึ้นเป็นเพชรประกายพรึก คือมีความระยิบระยับแพรวพราว มีเส้นแสงรัศมีสว่าง พ้นเลยจากรัศมีของจิตก็ปรากฏสภาวะของการมีสภาวะความเป็นทิพย์ บรรยากาศของความเป็นทิพย์มีกากเพชรโปรยปรายรอบอาณาบริเวณ กำหนดในขอบเขตแห่งความเป็นทิพย์นั้นมีกำลังของจิตตานุภาพมีกำลังของพุทธคุณคุ้มครองรักษาปลอดภัยจากภัยพิบัติทั้งปวง ปลอดภัยจากภยันอันตรายทั้งปวง ปลอดภัยจากอวิชชาคุณไสยทั้งปวง ทรงอารมณ์ทรงสภาวะที่จิตเรามีกำลัง กำหนดปริมณฑลอาณาเขตความเป็นทิพย์ จิตเปล่งประกายสว่างเป็นเพชรระยิบระยับ ฝึกเพาะบ่มสะสมจิตตานุภาพฌานสมาบัติ กำหนดรู้ว่าจิตของเราผ่องใสก็รู้ว่าผ่องใส สว่างก็รู้ว่าสว่าง จิตเข้าถึงปฏิภาคนิมิตก็รู้ว่าเข้าถึงปฏิภาคนิมิต
จากนั้นผนึกรวมตั้งจิตอธิษฐาน ให้เป็นกสิณจิต จิตมีจิตตานุภาพเป็นหนึ่งเดียวกับกสิณจิตคือกสิณ กสิณคือจิต พลังอานุภาพของกสิณมีกำลังแห่งอภิญญาสมาบัติเพียงใด ก็ขอให้จิตข้าพเจ้าเข้าถึงกำลังของอภิญญาสมาบัติฉันนั้น ธาตุดินน้ำลมไฟ นะมะพะทะสถิตอยู่ กำหนดให้เห็นจิตที่เป็นประกายพรึกเป็นการปฏิภาคนิมิตนั้น มีอักขระคำว่านะ คือธาตุดิน มะคือธาตุน้ำ พะคือธาตุลม ทะคือธาตุไฟ ดินน้ำลมไฟธาตุทั้ง 4 ผนึกอยู่ในจิตอันประภัสสรเป็นเพชรประกายพรึกนั้น
จากนั้นกำหนดเดินจิตต่อไป จิตของเรานั้นใช้อภิญญาในทางสัมมาสมาธิ ใช้กำลังอภิญญาจิตเพื่อเป็นไปในการเจริญพระกรรมฐานเพื่อมรรคผลพระนิพพาน ขอให้กำลังอภิญญาสมาบัติจงเป็นบาทฐานเป็นกำลังในวิปัสสนาญาณ และขอให้รัศมีจิตของข้าพเจ้านี้จงเป็นรัศมีแห่งความเมตตาอันไม่มีประมาณ กำหนดให้เส้นแสงรัศมีจากจิตอันประภัสสรเป็นคลื่นแห่งเมตตาอันไม่มีประมาณแผ่ไป ทรงอารมณ์ทรงสภาวะที่จิตประภัสสรที่สุด รัศมีของของจิตเป็นกระแสเมตตาอันไม่มีประมาณส่องสว่างกว้างไกลอย่างที่สุด กำหนดทรงสภาวะไว้ อาณาเขตความเป็นทิพย์มีความพร่างพรายรายรอบ อธิษฐานให้คลื่นกระแสแห่งความเป็นทิพย์ปกคลุมคุ้มครองกว้างไกลจนคลุมประเทศไทยทั้งหมด กระแสกำลังแห่งฌานสมาบัติจิตตานุภาพก่อเกิดเป็นอภิจิต จิตเจตนารมย์รวมเป็น1ความเป็นทิพย์ความประภัสสรกำลังอภิญญาสมาบัติคลุมประเทศไทยทั้งหมด มีแต่ความสว่างพร่างพรายความเป็นทิพย์ ขจัดอวิชชาทั้งปวงคุณไสยทั้งปวง คลื่นกระแสที่เป็นลบ กระแสที่เป็นวิบากอกุศลทั้งปวง เมื่อกำหนดจนจิตของเราผ่องใสสว่างเป็นทิพย์เต็มที่เต็มกำลัง เราทรงสภาวะความรู้สึกว่าจิตเราประภัสสรเอิบอิ่มผ่องใส จิตยิ่งส่องสว่าง จิตยิ่งมีกำลัง
จากนั้นอธิษฐานจิต น้อมใจของเรารำลึกนึกถึงองค์สมเด็จพระสัมมาสัมพุทธเจ้า อาราธนาพุทธานุภาพพุทธนิมิตองค์สมเด็จพระจอมไตรศาสดาสัมมาสัมพุทธเจ้า มาสถิตประทับอยู่กลางจิตกลางใจของเรา เป็นพระภายใน ประทับอยู่ในจิตของเรา กำหนดน้อมนึกให้กระแสรัศมีฉัพพรรณรังสีของพระพุทธองค์
ที่อยู่ในจิตเรายิ่งส่องสว่างกว้างไกลขึ้นไปอีก ใจเราผ่องใสสว่าง มีกำลังพุทธานุภาพ จิตยิ่งมีความศรัทธาเคารพเลื่อมใสในพระพุทธองค์มากเท่าไหร่ เราก็ยิ่งมีกำลังในการอาราธนาบารมีพุทธานุภาพของพระพุทธองค์ มาให้ปรากฏประจักษ์จนเกิดผล จิตมีความศรัทธาเลื่อมใสในพระพุทธเจ้าพระธรรมพระอริยสงฆ์ อย่างไม่มีความคลางแคลงใจ อย่างปราศจากวิจิกิจฉา พระพุทธองค์ทรงมีพระพุทธคุณมากมายมหาศาลอันไม่มีประมาณเพียงใด จิตของเราผู้มีความศรัทธามั่นคงก็สามารถที่จะอาราธนากำลังพุทธานุภาพของพระพุทธองค์ลงมาสู่จิตสู่ใจของเรา อาราธนาลงมาให้เกิดผลให้เกิดพลังให้เกิดกระแสเกิดความศักดิ์สิทธิ์ ความอัศจรรย์ทางจิตนั้น เกิดขึ้นจากจิตที่ฝึกฝนเพาะบ่มมาดีแล้ว ทั้งสมาธิฌานสมาบัติที่ตั้งมั่น ทั้งศรัทธาอันมีความมั่นคงเลื่อมใสในพระพุทธเจ้าพระธรรมพระอริยสงฆ์อย่างไม่มีความคลางแคลงใจ และจุดสำคัญที่สุดก็คือ การที่เรารู้ว่าเราจะน้อมนำให้พลังความศักดิ์สิทธิ์จิตตานุภาพกำลังพุทธคุณนั้น ใช้เป็นประโยชน์ในเส้นทางที่เป็นสัมมาทิฏฐิ ในความถูกต้อง เป็นไปเพื่อประโยชน์ของชาติศาสนาพระมหากษัตริย์ เป็นไปเพื่อปฏิปทาสาธารณประโยชน์ คือเป็นประโยชน์ต่อส่วนรวม
เมื่อภาพองค์พระสว่างในจิตในใจของเรา ตอนนี้ก็ให้กำหนดฝึกเคลื่อนองค์พระ กำหนดน้อมนึกว่าองค์พระอยู่ในดวงแก้วที่เป็นเพชรประกายพรึกสว่าง ตอนนี้กำหนดอธิษฐานให้อยู่ที่บริเวณภายในท้องหรือที่ฐานที่ตั้งของจิต ศูนย์กลางกายสว่าง กำหนดน้อมจนมีความรู้สึกว่าองค์พระเปล่งฉัพพรรณรังสีคือรัศมีของพุทธานุภาพ ส่องสว่างทะลุกายเนื้อของเราออกมา จนทั้งกายเนื้อและดวงจิตที่เป็นดวงแก้วมีองค์พระนั้น สว่างเจิดจ้าอย่างยิ่งในขณะที่เราเจริญพระกรรมฐานอยู่ขณะนี้ กำหนดน้อมทรงอารมณ์ทรงฌานสมาบัติให้เกิดตบะเดชะเกิดฌานอภิญญาที่ตั้งมั่น องค์พระสว่างเปล่งประกาย สถานที่ที่เราเจริญพระกรรมฐานจะเป็นห้องพระก็ดีห้องนอนก็ดี จุดใดก็ดีที่เรานั่งเจริญพระกรรมฐานหรืออยู่ในอิริยาบถอื่นก็ตาม ทั้งห้องนั้นสถานที่แห่งนั้นมีแต่แสงสว่างของพุทธานุภาพ ทรงสภาวะไว้ทรงอารมณ์ไว้ให้ฌาณสมาบัติมีความตั้งมั่น
จากนั้นกำหนดจิต เดินจิต ฝึกฝนต่อไป จากองค์พระที่อยู่ในดวงแก้ว อธิษฐานจิตให้เห็นภาพองค์พระขยายใหญ่ขึ้น องค์ใหญ่ขึ้นจนมีขนาดหน้าตัก 4 ศอกคลุมร่างกายขันธ์ 5 ที่เป็นกายเนื้อของเราทั้งหมด กายเนื้อขันธ์ 5 ของเราขณะนี้มีองค์พระคลุมอยู่ อธิษฐานจิตว่าองค์พระที่คลุมกายเรานั้น เป็นเหมือนกับเกราะเพชร เป็นเกราะคุ้มกันกำบังเราจากอกุศลจิตทั้งหลาย จากภยันอันตรายทั้งหลาย พุทธานุภาพปกคลุมคุ้มครองเรา กำหนดน้อมจิตอธิษฐานไว้เช่นนี้นะ
จากนั้นกำหนดจิตต่อไป เมื่อเราทำได้แล้ว เราก็อธิษฐานจิตต่อ กำลังของพุทธานุภาพคือพุทธคุณไม่มีที่สุดไม่มีประมาณ เราขออาราธนาบารมีพุทธานุภาพของพระพุทธเจ้า ด้วยจิตอันมีสัตย์บริสุทธิ์ มีจิตปรารถนาที่จะทำนุบำรุงคุ้มครองทหารหาญของชาติ ขอกำลังพุทธานุภาพจงปรากฏเป็นองค์พระคลุมกายขันธ์ 5 ของทหารหาญทุกคนที่ปฏิบัติภารกิจหน้าที่อยู่ในชายแดน ขอพุทธานุภาพจงเป็นเกราะแก้ว ป้องกันกระสุนจรวดระเบิดกับระเบิดทั้งหลาย ขอกระแสพุทธานุภาพจงมาสถิตรักษา อาราธนารวมลงสู่วัตถุมงคลทั้งหลาย ที่ทหารหาญแต่ละท่านได้บูชาได้พกพาได้ขึ้นคอไว้ จะเป็นพระเครื่องก็ดี ด้ายสายสินก็ดี ผ้ายันต์ทั้งหลายก็ดี ตะกรุดทั้งหลายก็ดี หรือแม้กระทั่งชายผ้าถุงของแม่ทหารหาญคนนั้นก็ดี ขอจงปรากฏกำลังของพุทธานุภาพธรรมานุภาพสังฆานุภาพ เกิดความศักดิ์สิทธิ์อัศจรรย์ เป็นแสงสว่างเปล่งประกายคลุมทหารทหารของชาติ หากท่านใดมีกำลังบุญกุศลคุ้มครอง ก็ขอให้แคล้วคลาดรอดปลอดภัย กระสุนทั้งหลายไม่สามารถกระทบกายได้ ขอจงหลีกไปแหวกไปไม่ต้องกาย หากจะมีวิบากหากกระทบกระสุนก็ดีระเบิดก็ดีจรวดก็ดีปืนคอก็ดี มากระทบก็ขอจงอย่าเข้าอย่าเป็นอันตราย หากยังมีวิบากยังมีกรรมอันเป็นปาณาติบาตปรากฏเฉพาะแต่ละบุคคล หากกระสุนหากอาวุธศาสตราวุธต้องกายก็ขออย่าให้เกิดการบาดเจ็บเป็นแผลฉกรรจ์ ขอจงบรรเทาทุเลาลง ขอพุทธานุภาพจงปกป้องคุ้มครองทหารหาญทุกคนให้ปลอดภัยด้วยเทอญ
จากนั้นกำหนดนะ นึกให้เห็นภาพองค์พระคลุมคุ้มครองทหารทุกคน ทหารมีจำนวนเท่าไหร่ จิตความเป็นทิพย์นั้นไม่มีขอบเขตพุทธานุภาพไม่มีขอบเขต เราไม่รู้จักชื่อเราไม่รู้จักหน้าเราอยู่ห่างไกล กระแสจิตไม่มีขอบเขตพุทธานุภาพไม่มีประมาณ องค์พระบารมีพระพุทธานุภาพครอบคลุมถึงทั้งหมด หากไม่เกินกฎของกรรม หากไม่ถึงวาระจริงๆ ก็ขอให้รอดปลอดภัยแคล้วคลาด มีเทวดาสิ่งศักดิ์สิทธิ์คุ้มครองรักษา เตือนภัยให้เกิดสติเกิดความระแวดระวังปลอดภัยจากกับระเบิด เมื่อเราเจริญพระกรรมฐานปรารถนาดีด้วยจิตเมตตา ด้วยจิตกตัญญูต่อชาติบ้านเมือง ก็ให้เราตั้งกำลังใจว่า การที่เราใช้กำลังพุทธานุภาพเพื่อคุ้มครองแผ่นดินไทยเอกราชอธิปไตยบนผืนแผ่นดินนี้ เพราะผืนแผ่นดินนี้เป็นผืนแผ่นดินที่พระพุทธองค์ทรงฝากไว้ที่พระธาตุจอมกิตติ ให้ดินแดนสุวรรณภูมิสยามประเทศนี้ เป็นที่จารึกเขตพระพุทธศาสนาให้ครบ 5000 ปี ดังที่เราจะเห็นได้ว่า แผ่นดินนี้ไม่เคยเสียเอกราชให้กับประเทศใด หากพลาดพลั้งกรุงแตกพลาดท่า ก็สามารถกู้คืนได้ภายในเวลารวดเร็ว หรือแม้แต่ในยามที่เกิดการล่าอาณานิคม ประเทศไทยก็รอดพ้นจากการเป็นอาณานิคมของประเทศอื่น ซึ่งเป็นเหตุที่ทำให้เรายังรักษาพระพุทธศาสนาไว้ได้ ไม่ถูกเปลี่ยนศาสนาไม่ถูกทำลายศาสนา ดังนั้นคือสาเหตุว่าทำไมเราจึงต้องใช้กำลังพุทธานุภาพเพื่อคุ้มครองชาติบ้านเมืองสถาบัน
เมื่อเราได้ใช้กำลังจิตตานุภาพเพื่อส่วนรวมแล้ว เราก็มากำหนดพิจารณาในวิปัสสนาญาณ ว่าโลกนี้มันก็เป็นสมมติ ดินแดนทั้งหลายก็เป็นสมมุติ การเป็นคนไทยก็ดีเป็นเขมรเป็นลาวเป็นฝรั่งเป็นชนชาติใดก็ดี ก็ล้วนแล้วแต่สมมุติ ตายเมื่อไหร่จะเป็นคนประเทศใดก็ตาม ตายไปแล้วก็เป็นเพียงจิตดวงเดียวท่องเที่ยวไป ตามกำลังของบุญและบาป ตามกำลังของยถากรรม ก็คือทำกรรมสิ่งใดจะเป็นกุศลก็ดีอกุศลก็ดี ก็ต้องล่องลอยไป ไปจุติบ้างไปเสวยบุญบ้างไปเสวยวิบากบ้าง ตามกรรมที่ตนทำนั้น เราพิจารณาว่าเราทำหน้าที่ในความเป็นคนไทยรักษาอธิปไตย ก็เป็นไปตามสมมุติบัญญัติ ทำไปตามวิสัยตามหน้าที่ แต่เมื่อถึงเวลาที่เราปฏิบัติเจริญพระกรรมฐาน เราก็วางลงให้หมด วางจากสมมุติทั้งปวง วางจากความอาฆาตแค้นพยาบาททั้งปวง วางจากความขัดเคืองใจทั้งปวง มองให้เห็นว่าโลกว่าสังสารวัฏนี้มันมีแต่ความวุ่นวายหนอ กระทบกระทั่งกันหนอ เบียดเบียนกันเอารัดเอาเปรียบกัน ใส่ร้ายป้ายสีกล่าวโทษกัน มีศึกสงครามมีความวุ่นวายแบบนี้ตลอดทั่วกาลตลอดสมัย ถ้าเราตายไปมาเกิดใหม่เราก็เจอสงครามครั้งใหม่ เจอการเบียดเบียนกันครั้งใหม่ เจอการกระทบกระทั่งไม่มีที่สิ้นสุด พิจารณาแล้วเราก็ดูว่าใจเราวางไหม ปล่อยวางอภัย ปราศจากศัตรูปราศจากเวรภัย ทหารหาญก็ทำไปตามหน้าที่ที่ต้องปกป้องอธิปไตย คนที่ไม่ได้รู้จักกันไม่มีความอาฆาตต่อกัน แต่ต้องมาทำลายล้างผลาญชีวิตกัน ก็เพราะคำว่าสงคราม พิจารณาปล่อยวาง เมตตาอโหสิกรรม เมตตาแผ่เมตตาให้กับดวงวิญญาณ ไม่ว่าจะเป็นฝ่ายของไทยก็ดี ฝ่ายของเขมรก็ดี แผ่เมตตาปรับภพภูมิ สลายล้างความอาฆาตพยาบาทจองเวรทั้งปวง อย่าให้คลื่นกระแสความอาฆาตพยาบาทจองเวรนั้น มาอยู่ประทับอยู่ในดินแดนอยู่ในเขตแว่นแคว้นดินแดนของสุวรรณภูมินี้ แผ่เมตตาสว่าง แผ่เมตตาสลายล้างจิตอันเป็นอกุศล สลายล้างความอาฆาตพยาบาทจองเวร แผ่เมตตาปรับภพภูมิ ขอให้ดวงวิญญาณที่ตกค้าง ณ บริเวณชายแดน จงได้รับบุญกุศลแสงสว่างปัญญา ปรับภพภูมิสู่ภพภูมิที่เป็นสุคติ ขอจิตทั้งหลายจงสลายล้างความอาฆาตแค้นพยาบาท สลายล้างความหลง ดวงจิตดวงวิญญาณที่กลายเป็นโอปปาติกะสัมภเวสี เดินวนเวียนหาทางกลับบ้าน ขอจงเกิดแสงสว่างแห่งกุศลนำทางกลับไปยังบ้านของตน ขอจงปรากฏแสงสว่างแห่งบุญกุศล ด้วยกำลังของพุทธานุภาพกำลังของครูบาอาจารย์กำลังของพระโพธิสัตว์ นำทางสู่ภพภูมิอันเป็นสุคติภูมิ และขอให้ดวงวิญญาณทั้งหลาย ดวงวิญญาณที่ตายจากศึกสงครามดวงวิญญาณที่ตายโหง ดวงวิญญาณที่ถูกรัดมัดตรึงด้วยวิชชาด้วยอวิชชาด้วยคุณไสย ด้วยกำลังพุทธานุภาพ ขอจงปลดโซ่ตรวนแห่งอวิชชาคุณไสยทั้งหลาย ขอดวงวิญญาณทั้งหลายเหล่านั้น จงหลุดออกไปไม่ถูกผูกถูกใช้ ไม่ตกเป็นเครื่องมือนำไปใช้ก่อกรรมเบียดเบียน ต่อคนไทยต่อทหารไทย ขอสรรพวิชาทั้งหลาย ปลดตรวนโซ่เชือกมนต์คุณไสยที่ผูกรัดดวงจิตทั้งหลาย ให้หลุดออกไปสลายไปให้หมด อวิชชาใดคุณไสยมนต์ดำทั้งหลาย จงปรากฏกลายเป็นมหาสะท้อนย้อนกลับ ไปยังบุคคลที่มีจิตอันเป็นอกุศล ขอจิตทั้งหลายจงปลดปล่อย จงเป็นสุขเป็นสุข พ้นจากอวิชชาทั้งปวงด้วยเทอญ
จากนั้นอธิษฐานจิตนะ ขอให้ปรากฏด้วยกำลังของพุทธานุภาพ จงปรากฏกำแพงแก้วอันประทับด้วยยันต์มหาพิชัยสงครามและยันต์เกราะเพชร เป็นอาณาเขตปกป้องตามแนวเขตชายแดนทั้งหมด ป้องกันสรรพอาวุธทั้งหลาย กระสุนทั้งหลาย ป้องกันจรวดขีปนาวุธทั้งหลาย ป้องกันอวิชชาคุณไสยทั้งหลาย มนต์ดำทั้งหลาย ขอจงเป็นมหาสะท้อนย้อนกลับ ขอกำลังพุทธานุภาพจงตรึง เป็นอาณาเขตคุ้มครองอาณาบริเวณเขตแดนประเทศไทยทั้งหมด และขอน้อมบุญกุศลถึง พระภูมิเจ้าที่เจ้าที่เจ้าทางเจ้าป่าเจ้าเขา เทวดาที่พิทักษ์รักษาอาณาเขตดินแดนทั้งหมด ขอกระแสบุญกุศลจงปรากฏแผ่ไปถึงรุกขเทวดาภุมเทวดาเจ้าที่เจ้าทางเจ้าป่าเจ้าเขาในอาณาบริเวณทั้งหมดนั้น ขอเมตตาปกปักรักษาคุ้มครอง ขอท่านทั้งหลายจงเกิดปัญญาแสงสว่างกำหนดรู้ ทหารไทยมีแต่ความเคารพในพุทธานุภาพในพระรัตนตรัย ในพุทธคุณ ความนับถือความเลื่อมใส การอธิษฐานก็นึกถึงแต่พุทธบารมีของพระพุทธเจ้า สังฆบารมีคือกำลังของครูบาอาจารย์ที่เป็นพระสุปฏิปันโนพระโพธิสัตว์เป็นที่สุด กระแสของบุญกุศลแม่ทัพก็ปฏิบัติเจริญพระกรรมฐาน มีพระบรมสารีริกธาตุเสด็จปรากฏเปลี่ยนวรรณะ
แต่ในขณะเดียวกันอีกฝั่งอีกด้านอีกเขตนั้น มีแต่ใช้อวิชชาคุณไสย มีแต่การใช้ความโกหกหลอกลวง ใส่ร้ายป้ายสี ดินแดนหนึ่งทำแต่บุญกุศล สร้างพระพุทธรูปเจริญพระกรรมฐาน อีกด้านหนึ่งสวดแต่มนต์ดำคุณไสย ก่อกรรมหลอกลวงชาวโลก เบียดเบียนด้วยสแกมเมอร์ หลอกลวงคนมาทำงานเหมือนกับทาสใช้ให้คนไปตาย โดยปราศจากความเมตตา ผืนแผ่นดินไหนเต็มไปด้วยบุญ ผืนแผ่นดินไหนเต็มไปด้วยบาป ท่านทั้งหลายที่เสวยบุญอยู่ เป็นเทวดาก็ดี เป็นรุกขเทวดาภุมเทวดาก็ดี ก็ขอจงไตร่ตรองช่วยสงเคราะห์ ในฝั่งที่เป็นสายบุญสายกุศล ขอให้ธรรมะชนะอธรรม ส่วนเทวดารุกขเทวดาภุมเทวดาที่ท่านเกื้อกูลสงเคราะห์ ดลจิตดลใจ ให้ตัวต่อให้นกเหยี่ยว หรือให้เกิดผลในการช่วยเหลือทหารไทย ก็ขอให้ท่านเมตตาปรากฏองค์ขึ้นให้ข้าพเจ้าทั้งหลายได้กำหนดรู้ ที่ท่านช่วยกำบังคุ้มกันทหารไทยให้ปลอดภัยให้แคล้วคลาด จากกระสุนจากการโจมตีหรือเตือนให้รู้ตัวก่อน ก็ขอให้ท่านเมตตาสงเคราะห์ทหารไทยต่อไปด้วยเทอญ กำหนดจิตนะ ใช้ญาณเครื่องรู้กำหนดตัวรู้ต่อไปนะ ให้เราตั้งใจมั่นคงว่า กำลังพุทธานุภาพกำลังพุทธคุณนั้นคุ้มครองอยู่ ความเมตตาความอารีความมีน้ำใจที่คนไทยทั้งประเทศส่งถึงทหารหาญนั้น เทวดาท่านเห็นไหม กำหนดรุกขเทวดาท่านเห็นไหม ภุมเทวดาท่านเห็นไหม กระแสน้ำใจก็คือกระแสบุญ ท่านก็โมทนาในน้ำใจคนไทยในกุศลจิตทั้งปวงด้วยเทอญ
ตอนนี้เราก็ใช้กำลังบุญช่วยคุ้มครองผืนแผ่นดินไทยชาติบ้านเมือง เราวางแล้วก็กำหนดว่าเราเจริญพระกรรมฐานกันต่อ กำหนดจิตทรงสภาวะจิตที่เป็นเพชรประกายพรึกสว่างปล่อยวางทุกสิ่ง ปล่อยวางสมมติทั้งหลาย หน้าที่เราได้ทำแล้ว สำเร็จแล้ว เกิดผลแล้ว เกิดความศักดิ์สิทธิ์เกิดพุทธานุภาพ ตรึงอาณาเขตบริเวณทั้งหมดแล้ว เราก็อธิษฐานจิตต่อไป ยกจิตพุ่งขึ้นไปบนพระนิพพาน ปล่อยวางจากเรื่องราวจากโลกจากทุกสรรพสิ่ง ปล่อยวางจากภพทั้งหลาย ปล่อยวางจากวัฏสงสาร ยกจิตขึ้นไปบนพระนิพพาน กำหนดจิตอาทิสมานกายจงปรากฏ เป็นกายพระวิสุทธิเทพอยู่เบื้องหน้าสมเด็จองค์ปฐม พร้อมทั้งพระพุทธเจ้าทุกพระองค์ พระปัจเจกพุทธเจ้าทุกพระองค์ พระอรหันต์ทุกๆ พระองค์บนพระนิพพาน
กำหนดจิตกราบทุกท่านทุกๆ พระองค์ ด้วยความนอบน้อมด้วยความเคารพ พิจารณาในอารมณ์พระนิพพาน คือปล่อยวางจากสังโยชน์ทั้ง 10 ปล่อยวางกายขันธ์ห้า จิตตั้งมั่นในคุณแห่งพระรัตนตรัย จิตพิจารณาว่าเราต้องตาย ตายเมื่อไหร่เราขอเข้าถึงซึ่งพระนิพพานชาตินี้ พิจารณาต่อไปว่า เมื่อเราตายแล้วภพทั้งหลาย อันได้แก่ภพของความเป็นมนุษย์ก็ดี ภพอื่นภูมิใดที่เป็นภพอันเป็นทุกข์คติภูมิก็ดี อันได้แก่การเป็นสัตว์เดรัจฉาน การเป็นนาค การเป็นโอปปาติกะสัมภเวสีเปรตอสุรกายหรือสัตว์นรก เราก็ไม่เอา เรากำกับปิดอบายภูมิทั้งปวงด้วยการมีศีลที่บริสุทธิ์ หรือแม้แต่ภพของการเป็นมนุษย์ที่ดีกว่าเดิม เป็นเศรษฐีมหาเศรษฐี เป็นพระยามหากษัตริย์ก็ดี ยังมีความทุกข์ยังข้องเกี่ยวกับการเวียนว่ายตายเกิดเราก็ไม่เอา ภพของการเป็นเทวดา อากาศเทวดามีทิพยวิมาน มีเครื่องทรงอันเป็นทิพย์มีแสงสว่างรัศมีกาย มีวิมานสว่าง มีทิพยสมบัติแต่ก็มีความไม่เที่ยงเราก็ไม่เอา ความเป็นพรหม มีอายุการเสวยบุญในความเป็นพรหมยาวนาน แต่พรหมนั้นก็มีการหมดบุญ หมดบุญแล้วก็ต้องมาเวียนว่ายตายเกิดต่อ เราก็ไม่เอา อรูปพรหมยิ่งซ้ำร้าย ใช้บุญจนหมด ต้องกลับไปเสวยวิบากนับหนึ่งใหม่ตั้งแต่ต้น เราก็ยิ่งไม่เอา ตัดภพจบชาติใจเราปล่อยวางไม่ปรารถนาไม่ยินดีในภพอื่นภูมิใดในวัฏสงสาร ทั้ง 3 ภพภูมิ จิตยินดีอยู่กับพระนิพพานความดับไม่เหลือเชื้อสิ้นภพจบชาติเป็นที่สุด
กำหนดจิตปล่อยวาง จากเชื้อแห่งความเกิด คือความโลภ โกรธ หลง อวิชชาคือความหลงคิดว่าการเกิดนั้นเป็นสุข หลงเพลิดเพลินในภพภูมิต่างๆ วางความรักความผูกพันกับจิตดวงอื่น วางความโลภความพึงพอใจ ในทิพยสมบัติในมนุษย์สมบัติสวรรค์สมบัติพรหมสมบัติ ความหลงโลภโกรธหลงวางให้หมด เหลือเพียงจิตที่ตั้งมั่น มั่นคงอยู่กับพระนิพพาน ธรรมฉันทะยินดีในพระนิพพาน จิตตั้งมั่นอยู่กับพระนิพพานเพียงจุดเดียว กำหนดสภาวะความเป็นกายพระวิสุทธิเทพที่สว่างผ่องใส สรรพกิเลสทั้งหลาย ปล่อยวางจากจิตของเรา ความโลภโกรธหลงสลายจากจิตของเรา ความยินดีในภพในวัฏสงสารสลายไปจากจิตของเรา จิตมั่นคงอยู่จุดเดียวคือพระนิพพานเป็นที่สุด
กำหนดใช้ญาณเครื่องรู้ อาราธนากำลังพุทธานุภาพมากำกับญาณเครื่องรู้ เล็งทิพย์จักษุญาณลงมาจากพระนิพพาน มองโลกเห็นความวุ่นวายเห็นสงครามที่ปรากฏขึ้น ในดินแดนต่างๆ ทั่วโลก เห็นการเบียดเบียนกัน เห็นการเอารัดเอาเปรียบกัน เห็นการทำลายล้างธรรมชาติบนโลกมนุษย์ เห็นกระแสวิบากกรรมในอนาคตังและยถากรรมมุตาญาณ ว่ากรรมวิบากของสรรพสัตว์ทั้งหลาย ที่ก่อสงครามที่เบียดบังกันที่ล่วงเกินต่อกัน สุดท้ายก็นำพาให้จิตทั้งหลาย จะต้องไหลไปจุติไปเกิด ยังนรกภูมิเสวยวิบากกรรม มีผลกรรมต่อเนื่องต่อกันไปในอนาคต ชนชาติที่รบราฆ่าฟันต่อกันมีความแค้นต่อกัน ก็เกิดยถากรรมมุตาญาณเครื่องรู้ปรากฏในกรรม กรรมที่แต่ละชนชาติก่อสงครามกัน ก็กลายเป็นกรรมพันธุ คือชนชาตินี้ก็มีความโกรธแค้นพยาบาทจองเวรกับชนชาตินี้ จ้องล้างผลาญเอารัดเอาเปรียบต่อกัน จะจบสิ้นได้ก็ด้วยอโหสิกรรม เล็งทิพย์จักษุญาณดูในอดีตังสญาณเป็นบุพเพนิวาสานุสติญาณ คือที่มาของการจุติเกิด ที่มาของเหตุต้นผลกรรม ให้เห็นว่าแม้ในอดีตกาล กรรมพันธุคือความมีกรรมเป็นเผ่าพันธ์ ระหว่างสยามประเทศกับชนชาติเขมรนั้นก็มีมา ตั้งแต่สมัยกรุงศรีอยุธยาตั้งแต่สมัยโยนกนครตั้งแต่สมัยขอมดำ คือสมัยพระเจ้าพรหมมหาราช รบราฆ่าฟันกัน เอาเปรียบกัน แก้แค้นต่อกัน สลับกันไปกันมา จนกระทั่งถึงยุคของกรุงศรีอยุธยา ยุคของพระนเรศวร จนกระทั่งถึงยุคสมัยของกรุงรัตนโกสินทร์ ที่พระยาบดินทร์เดชารุกรบไปยึดเขมรกลับคืนมา สุดท้ายกรรมและวาระกรรม ก็นำพาให้เกิดกรรมที่เราต้องมารบราฆ่าฟันกันในยุคปัจจุบัน เราก็ทำกันไปตามหน้าที่ แต่จิตของเราในฐานะผู้ปฏิบัติธรรม ก็จงอโหสิกรรม เกิดความสลดอโหสิกรรมแผ่เมตตาปล่อยวางจากจิตของเราเอง เพื่อสลายกรรมให้มันเบาบางลงด้วยอโหสิกรรม เมตตาอภัยสันติ ขอสันติสุขสันติภาพจงปรากฏ
เมื่อเราทรงสภาวะในความเป็นกายพระวิสุทธิเทพอยู่บนพระนิพพาน สมมุติในความเป็นคนไทย สมมุติทั้งหลายมันหมด เหลือเพียงแค่จิต เหลือเพียงแค่การที่เราแผ่เมตตาต่อทุกดวงจิตในสังสารวัฏนี้เสมอกัน จิตปราศจากอคติทั้งปวง ไม่เลือกที่รักไม่มักที่ชัง แผ่เมตตาให้ทุกสรรพดวงจิต ไม่มีคำว่าศัตรู แผ่เมตตาให้ดวงจิตทั้งหลายที่เสวยวิบาก ที่เสวยความทุกข์ ไม่ว่าจะเป็นดวงจิตที่ตายไปแล้ว หรือยังเสวยความเป็นภพการเป็นมนุษย์ที่ทุกข์ยากทุกเข็ญ
จากนั้นน้อมจิตแผ่เมตตา น้อมกระแสจากพระนิพพานลงมาแผ่เมตตาให้ทุกสรรพสิ่ง ภพภูมิทั้งหลาย น้อมกระแสเมตตาลงมา นับตั้งแต่ภพที่อยู่บนสุดคืออรูปพรหมทั้ง 4 ขอท่านทั้งหลายจงเข้าถึงบุญกุศลความสุข ท่านสุขแล้วขอให้สุขยิ่งขึ้นไป ท่านที่เสวยความทุกข์ขอให้พ้นจากความทุกข์ แผ่เมตตาจากอรูปพรหมลงไปยังพรหมโลกทั้ง 16 ชั้น ขอกระแสบุญกุศลน้อมถึงท่านท้าวสหัมบดีพรหมคือพรหมผู้เป็นใหญ่ ในพรหมทั้งปวงเป็นพรหมราชาแห่งพรหมทั้งหลาย แผ่เมตตาต่อไปยังอากาศเทวดาทั้ง 6 ชั้น มีพระอินทร์ท่านเป็นประธานรวมไปถึงท่านท้าวมหาราชทั้ง 4 แผ่เมตตาต่อไปยังภพภูมิของรุกขเทวดาภุมเทวดาทั่วโลกทั่วทุกเขต เจ้าป่าเจ้าเขาภุมเทวดารุกขเทวดาทั่วอนันตจักรวาลทุกดวงดาว แผ่เมตตาต่อไปยังมนุษย์และสัตว์ทั้งหลายที่มีขันธ์ 5 กายเนื้อทั้งโลกทั้งจักรวาล ทั่วอนันตจักรวาล ภพใดภูมิใดดวงดาวใดจักรวาลกาแล็กซี่ใด ที่เป็นมนุษย์ดวงดาวนั้นที่มีขันธ์ 5 กายเนื้อ ขอเมตตากระแสบุญของข้าพเจ้าแผ่ไปถึง ทั่วจักรวาลมหาอนันตจักรวาล จิตยิ่งขยายกำลังขอบเขตเมตตาสว่าง
จากนั้นแผ่เมตตาต่อไปยังภพภูมิของโอปปาติกะสัมภเวสีทั้งหลาย ดวงจิตดวงวิญญาณที่หลงตกค้างอยู่ในภพภูมิต่างๆ ไม่รู้ตัวรู้ตนว่าตายแล้ว ไม่รู้ตัวรู้ตนว่ามีภพมีสังสารวัฏมีสวรรค์มีนรก หลงปะปนอยู่กับภพของการเป็นมนุษย์ ขอกระแสบุญกุศลจงปรับภพภูมิของโอปปาติกะสัมภเวสีทั้งหลาย ทั่วโลกทั่วจักรวาลทั่วอนันตจักรวาลทุกมิติ ทั้งที่อยู่ในเมืองบังบดลับแลทั้งที่อยู่ในมิติที่ทับซ้อน ขอกระแสเมตตาที่น้อมรวมลงจากพระนิพพาน ส่งถึงทุกดวงจิตยังไม่มีประมาณ จากนั้นแผ่เมตตาต่อไปยังภพภูมิของเปรตอสุรกายทั้งหลายทั่วจักรวาล ภพภูมิของสัตว์นรกทั้งหลายในทุกขุม
จากนั้นอธิษฐานจิต ขอจงปรากฏกำลังของพุทธานุภาพสมเด็จองค์ปฐม ทรงเครื่องบรมมหาจักรพรรดิ เมตตามาสถิตรักษาแผ่เมตตาเปิด 3 ภพภูมิ 3 แดนโลกธาตุ แผ่เมตตาไปทุก 3 ภพภูมิ อย่างไม่มีประมาณด้วยเทอญ ขอสรรพสัตว์ทั้งหลายจงประสบแต่ความสุขพ้นจากความทุกข์ พ้นภัยจากวัฏสงสารเข้าถึงกระแสแห่งพระนิพพานอันเป็นเอกบรมสุขด้วยเทอญ แผ่เมตตาสว่าง กำหนดน้อมให้กายพระวิสุทธิเทพของเราแต่ละคน สว่างผ่องใส บุญจงปรากฏ บุญจากการเจริญพระกรรมฐานนั้นสูงกว่าการให้ทานเป็นล้านเท่า โดยเฉพาะอย่างยิ่งจิตของเราเข้าถึงฌานสมาบัติ จิตของเราเข้าถึงความบริสุทธิ์จากการเจริญวิปัสสนาญาณ มีความสะอาดจากความโลภโกรธหลง แม้เพียงชั่วคราวชั่วขณะ คือชั่วขณะที่เราเจริญพระกรรมฐานก็ตาม แต่กำลังบุญก็ถูกบันทึกสะสมรวมลงสู่จิต การสร้างบุญกุศลการเจริญพระกรรมฐาน แม้เพียงชั่วช้างกระดิกหูงูแลบลิ้น หรือมีแสงสว่างของจิตปรากฏเพียงแค่ปลายหัวไม้ขีดติดขึ้นมาเท่านั้น ก็ยังมีบุญมีกำลังมหาสาร ยิ่งกว่าการทำทานตักบาตรจนขันลงหินสึกทะลุ แต่การที่เราทรงอารมณ์จิตเกิดแสงสว่างแห่งฌานสมาบัติเกิดความผ่องใสแสงสว่างของจิต เกิดรัศมีจิต เกิดกำลังแสงสว่างแห่งการเจริญเมตตาอันไม่มีประมาณ บุญนั้นยิ่งมหาศาลยิ่งกว่าเกิดโอภาสแสงสว่างจากการเจริญพระกรรมฐานเพียงแค่นิดเดียว จิตเราเกิดกำลังของบุญ บุญแห่งภาวนามัยเป็นเหตุอันใกล้ให้เข้าถึงมรรคผลพระนิพพาน ขอบุญจงถูกบันทึกรวมลงสู่จิต ขอบุญทั้งหลายจงสำเร็จประโยชน์เป็นไปเพื่อพระนิพพานเป็นที่สุดด้วยเทอญ
ตั้งจิตมุ่งมั่นตรง ขอให้คำอธิษฐานของข้าพเจ้านับแต่นี้ทุกครั้ง พระพุทธองค์ทรงรับรู้รับทราบ เทวดาพรหมทั้งหลายรับรู้รับทราบ ในทุกคำอธิษฐานในทุกจิตอันตั้งมั่น เป็นเอกัคคตารมณ์ของข้าพเจ้าด้วยเทอญขอให้บุญกุศลที่ข้าพเจ้ากระทำบำเพ็ญ จงปรากฏให้เทวดาพรหมทั้งหลายได้โมทนาสาธุด้วยเทอญ
จากนั้นก็ให้เรานะ น้อมกระแสอาราธนากระแสบุญจากพระนิพพาน คือบารมีทั้ง 30 ทัศ ทานศีลภาวนา ของพระพุทธเจ้าทุก ๆพระองค์ พระปัจเจกพุทธเจ้าทุกพระองค์ พระอรหันต์ทุกๆพระองค์บนพระนิพพาน อันถือว่าเป็นกระแสบุญกระแสจิตกระแสกุศลที่บริสุทธิ์ที่สุดแล้ว น้อมรวมลงเป็นกำลังคลุมคุ้มครอง ผืนแผ่นดินสยามสุวรรณภูมินี้ทั้งหมด อธิษฐานขออาราธนาบารมีพระพุทธองค์ทรงสงเคราะห์ ปรากฏเป็นยันต์เกราะเพชรคลุมประเทศไทยทั้งหมด ขอยันต์เกราะเพชรแสนผืนที่เราได้ขอพุทธานุญาตจัดสร้างขึ้น ขอมีกระแสบุญจากพระนิพพาน ลงมาสถิตกระตุ้นปลุกยันต์เกราะเพชรที่อยู่กับทหารหาญทุกคน ทั่วทั้งจตุรทิศ คือทั้ง 4 ทิศในทุกภาค ขอจงปรากฏกำลังพุทธคุณเต็มกำลัง พุทธานุภาพเต็มกำลัง ปกปักรักษาคุ้มครองแผ่นดินไทยเต็มกำลัง ขอกำลังแห่งยันต์เกราะเพชรแสงผืน ได้น้อมนำให้ผืนแผ่นดินไทยนี้ชนะต่อข้าศึกศัตรู ทั้งภายในคือศัตรูผู้คิดร้ายทำลายชาติศาสนาพระมหากษัตริย์จากภายใน ขอจงแพ้ภัยตัวเองด้วยอำนาจกฎของกรรมที่ตนกระทำชั่วไว้ อกตัญญูแผ่นดินไว้ ก็ขอจงเป็นไปตามกรรม และศัตรูที่เป็นอริราชศัตรูภายนอก คิดร้ายต่อผืนแผ่นดินศักดิ์สิทธิ์ที่จารึกพระพุทธศาสนานี้ ก็ขอจงปรากฏเป็นมหาสะท้อนย้อนแพ้ภัยตัวเอง
จากนั้นน้อมกระแสจากพระนิพพาน กระแสบุญลงมายังเขตของพุทธาวาสทั้งหมด ลงมายังวัดวาอารามทุกวัดสถานปฏิบัติธรรมทุกแห่ง พระพุทธรูปทุกพระองค์พระธาตุพระบรมธาตุเจดีย์ทุกพระองค์ ขอมีกำลังพุทธานุภาพธรรมานุภาพสังฆานุภาพความศักดิ์สิทธิ์อัศจรรย์ ขอกระแสจากพระนิพพานชำระล้างมิจฉาทิฏฐิทั้งปวง อลัชชีทั้งปวง ผู้คิดร้ายทำลายพระพุทธศาสนาทั้งหลาย ขอจงแพ้ภัยตัวเอง ขอกระแสแห่งพระนิพพานชำระล้างพระพุทธศาสนาให้สะอาดบริสุทธิ์ ขอการปฏิบัติธรรมนั้นขอทุกสายการปฏิบัติจงรวมตัวเป็นหนึ่ง เป็นไปเพื่อมรรคผลพระนิพพาน ขอสัมมาทิฏฐิจงปรากฏในดวงจิต ขอมรรคมีองค์ 8 จงปรากฏ ขอฌานสมาบัติอันเป็นสัมมาสมาธิจงปรากฏ ขอกรรมฐานอันตั้งตรงบริสุทธิ์ ปราศจากสมาธิอันเป็นมิจฉาสมาธิ ขอวิปัสสนาญาณจงเป็นไปเพื่อความรู้แจ้งรู้กระจ่างในธรรมอย่างแท้จริง ขอวิปัสสนูปกิเลสความสำคัญผิดในธรรมจงสลายตัวไป ขอกระแสแห่งพระพุทธองค์เมตตาน้อมจิตน้อมใจให้ผู้ปฏิบัติธรรมพุทธบริษัท 4 มีกำลังใจในการปฏิบัติ มีกระแสธรรมที่ตรงต่อมรรคผลพระนิพพาน ขอพระพุทธศาสนาจงกลับมาเจริญรุ่งเรืองอีกครั้งดังสมัยพุทธกาล มากด้วยพระอริยเจ้า มากด้วยพระสุปฏิปันโน มากด้วยพระโพธิสัตว์
จากนั้นน้อมกระแสจากพระนิพพาน เป็นกระแสบุญลงมาเป็นเกราะแก้วคุ้มครอง พิทักษ์รักษาพระชะตาวารขององค์พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว
พระบรมวงศานุวงศ์ทุกพระองค์ ขอกระแสบุญกระแสกุศลน้อมรวมลงสู่พระสยามเทวาธิราช เทวดาทั้งหลายที่พิทักษ์รักษาราชบัลลังก์ เทวดาพรหมผู้คุ้มครองพระบรมมหาราชวัง พระมหาเศวตฉัตร พระตำหนัก พระเสื้อเมืองพระทรงเมืองพระหลักเมืองพระกาฬไชยศรีในทุกเขตทุกจังหวัด ขอจงมีกำลังบุญฤทธิ์อิทธิฤทธิ์พรหมฤทธิ์เต็มกำลัง มีกำลังบุญบารมีสว่างไกลยิ่งใหญ่คุ้มครองชาติศาสนาพระมหากษัตริย์ ขอกระแสบุญจากพระนิพพานน้อมรวมลง ถวายเป็นกระแสพระราชกุศล แด่ดวงพระวิญญาณของบูรพมหากษัตราธิราชเจ้าและมวลหมู่เหล่านักรบเอกของแผ่นดินสยามประเทศทุกท่านทุกๆพระองค์ ขอเกิดบุญฤทธิ์อิทธฤทธิ์เทพฤทธิ์พรหมฤทธิ์ ปกปักรักษาคุ้มครองชาติบ้านเมือง
จากนั้นน้อมกระแสว่า ปฏิปทาสาธารณประโยชน์ที่ข้าพเจ้าทั้งหลาย มีจิตซื่อบริสุทธิ์ซื่อตรงต่อส่วนรวมคือชาติศาสนาสถาบัน ขอให้ข้าพเจ้าทั้งหลายมีความเจริญรุ่งเรืองยิ่งขึ้นทั้งทางโลกทางธรรม แม้การเจริญพระกรรมฐานที่ข้าพเจ้าได้รวมจิตรวมใจนี้จะเป็นการปิดทองหลังพระ แต่ก็ขอให้เทวดาพรหมทั้งหลาย รุกขเทวดาภุมเทวดาทั้งหลาย ได้รับรู้รับทราบและโมทนาบุญกับข้าพเจ้า ข้าพเจ้าไปในเขตใดที่ใดก็ขอให้ท่านเมตตามาอารักขาเมตตาคุ้มครองป้องกันข้าพเจ้าให้ปลอดภัย และเมตตาดลจิตดลใจ ให้ข้าพเจ้านึกคิดสิ่งใดก็สมปรารถนา ดังเทพยดามาประสิทธิ์ประสาททุกครั้งด้วยเทอญ
จากนั้นกราบลานะ กราบลาทุกท่านทุกๆพระองค์ กราบตั้งแต่ พระพุทธเจ้าพระปัจเจกพุทธเจ้าพระอรหันต์ทุกพระองค์ พระอริยเจ้าทุกพระองค์ ครูบาอาจารย์พระอริยสงฆ์ที่ปรากฏในนิมิต เทพพรหมเทวาที่ปรากฏขึ้นในญาณวิถีในนิมิตในจิตของเราแต่ละบุคคลเป็นปัจจัตตัง ดวงพระวิญญาณทั้งหลายเราน้อมจิตกราบ จิตถึงกราบถึงกระแสถึงพุทธานุภาพถึง เมื่อกราบลาแล้ว เราก็พุ่งจิตกลับลงมายังกายเนื้อ
จากนั้นน้อมกระแสจากพระนิพพานลงมาเป็นแสงสว่าง เป็นลำแสงสว่าง คลุมกายคลุมจิตของเรา อาราธนากระแสบุญจากพระนิพพานลงมา ธาตุธรรมฟอกธาตุขันธ์ กระแสธรรมกระแสบุญกระแสกุศล ชำระล้างร่างกายธาตุขันธ์ ผมขนเล็บฟันหนังอาการทั้ง 32 ผมขนเล็บฟันหนังจงกลายเป็นแก้วใส ธาตุธรรมฟอกธาตุขันธ์ โครงกระดูกทั่วร่างกายข้าพเจ้า จงกลายเป็นแก้วใสบริสุทธิ์ น้อมกระแสลงมาชำระล้างฟอกทำความสะอาดหลอดเลือดเส้นเอ็นทั่วร่างกาย หลอดเลือดสะอาด โลหิตไหลเวียนคล่องตัวเป็นปกติ ไม่ตีบไม่ตันไม่แตก ธาตุธรรมฟอกธาตุขันธ์ เซลล์ทุกเซลล์จงกลายเป็นแก้วสว่าง อาการทั้ง 32 อวัยวะภายในทั่วกายจงกลายเป็นแก้วใสสว่าง ธาตุธรรมฟอกธาตุขันธ์ เซลล์เนื้องอกทั้งหลายเซลล์มะเร็งทั้งหลาย ธาตุธรรมแสงสว่างจงสลายล้างเซลล์ที่ผิดปกติ โรคภัยไข้เจ็บ เซลล์มะเร็งทั้งหลาย เซลล์ที่ผิดปกติทั้งหลาย ภูมิคุ้มกันที่ผิดปกติทั้งหลาย ขอจงสลายโรคสลายตัวไป ร่างกายสมบูรณ์ธาตุขันธ์สมบูรณ์แข็งแรง ธาตุธรรมฟอกธาตุขันธ์ ร่างกายแข็งแรงมีพลัง กระแสบุญจงส่งผลเปิดสายบุญสายทรัพย์สายสมบัติสายบารมี บุญทานบารมีที่ข้าพเจ้าได้กระทำสำเร็จนับตั้งแต่อดีตชาติจนถึงปัจจุบัน ขอจงปรากฏส่งผลเป็นสายบุญสายทรัพย์สายสมบัติ เปลี่ยนเป็นมนุษย์สมบัติในชาติปัจจุบันนี้ ให้ข้าพเจ้ามีความคล่องตัว เงินทองทั้งหลายโอกาสทั้งหลายโชคลาภทั้งหลาย เข้ามาจากทุกทิศทุกทาง มีความคล่องตัวมีความสุขมีผู้เมตตาเกื้อกูลสงเคราะห์ มีผู้ที่ช่วยอุปถัมภ์ค้ำจุน ขอชีวิตของข้าพเจ้าจงมีแต่ความเจริญรุ่งเรืองยิ่งขึ้นไปทั้งทางโลกทางธรรมด้วยเทอญ
ร่างกายแข็งแรงสุขภาพแข็งแรงจิตผ่องใส กายจิตผ่องใส
จากนั้นโมทนาสาธุกับเพื่อนกัลยาณมิตรทุกคนที่เจริญพระกรรมฐาน ที่ร่วมจิตร่วมใจกัน ส่งกำลังบุญเจริญพระกรรมฐานช่วยชาติช่วยแผ่นดินช่วยบ้านเมือง น้อมจิตน้อมใจบุญสำเร็จประโยชน์ต่อกัลยาณมิตรที่เจริญพระกรรมฐานร่วมกันเพียงใด บุญพระกรรมฐานปรากฏต่อข้าพเจ้าด้วยฉันนั้น บุญยิ่งทวีคูณขึ้นจากการเจริญมุทิตา จากการโมทนาบุญอนุโมทนาบุญ จิตยิ่งสว่างผ่องใสกายยิ่งสว่างผ่องใส นับแต่นี้ญาณทัศนะของข้าพเจ้าทั้งหลาย จงเป็นญาณที่สะอาดบริสุทธิ์หมดจด เป็นวิมุตติญาณทัศนะ ญาณเครื่องรู้เป็นไป เพื่อการเจริญพระกรรมฐาน เห็นกรรมเห็นกฎของกรรม เห็นความทุกข์จากการเวียนว่ายตายเกิด
จากนั้นหายใจเข้าช้าๆลึกๆ หายใจเข้าครั้งที่ 1 ช้าลึกยาวบริกรรมพุทโธ จิตมีพุทธานุภาพผนึกสถิตรักษาคุ้มครองกายวาจาใจ หายใจออก หายใจเข้าครั้งที่ 2 ธัมโมมีกระแสธรรมผุดรู้ขึ้นในจิต วิปัสสนาญาณกระจ่างแจ้งชัดเจนปล่อยวางจากทุกสิ่งได้อย่างว่าง วางเบาง่ายดาย หายใจออก หายใจเข้าช้าลึกยาวครั้งที่ 3 สังโฆ กระแสครูบาอาจารย์ผู้เป็นพระสุปฏิปันโนพระอริยเจ้าพระอริยสงฆ์ มาสถิตรักษา บารมีครูบาอาจารย์ที่เป็นพระโพธิสัตว์พระมหาโพธิสัตว์คุ้มครองรักษา ให้จิตของข้าพเจ้านี้มีแต่กระแสแห่งความเมตตา ความผ่องใส
จากนั้นจึงค่อยๆถอนจิตช้า ๆจากสมาธิ จิตเราตื่นขึ้นเบิกบาน ดวงตาเปลือกตาที่ค่อย ๆเปิดขึ้นช้าๆเหมือนกับดอกบัวที่ค่อยๆแย้มกลีบบาน เบิกบานในทานธรรมมีความสุขทั้งก่อนเจริญพระกรรมฐาน ในยามเจริญพระกรรมฐานจิตก็มีความปรีดาปราโมทย์อิ่มเอมใจ ยามที่ออกจากพระกรรมฐานจิตก็ยังทรงอารมณ์แห่งความสุขความผ่องใสได้เป็นปกติ ธรรมะงดงามในใจ ทั้งเบื้องต้นท่ามกลางและที่สุด ใจผ่องใสเบิกบาน
สำหรับวันนี้ก็ขอโมทนาบุญกับทุกคน ขอให้มีความสุขความเจริญ วันพรุ่งนี้อาจารย์ก็มีภารกิจจะต้องไปสอนพระกรรมฐานที่พุทธศรัทธา อำเภอบ้านหมอ จังหวัดสระบุรี เป็นงานปฏิบัติธรรมเนื่องในวันแม่ ก็ขอให้เราทุกคนได้โมทนาบุญ ซึ่งก็ทำให้อาจารย์ของดในการเจริญพระกรรมฐานออนไลน์ในวันอาทิตย์ และก็ขอประกาศในเรื่องของการสร้างพระเจ้าองค์แสนดวงจิตพระนิพพาน ก็ยังขาดปัจจัยอีกจำนวนมาก คือประมาณ หกแสนบาท ใครที่มีกำลังมีจิตศรัทธา ก็สามารถที่จะเป็นเจ้าภาพใหญ่ คือรวบรวมปัจจัยจากบุคคลที่เรารู้จักมารวมเป็นกองบุญใหญ่ ซึ่งคณะจัดทำในการจัดสร้างพระเจ้าองค์แสน ก็จะมีของที่ระลึกให้เป็นกำลังใจ ซึ่งอาจารย์ก็จะประกาศเพิ่มอีกที คนไหนที่พอจะมีศักยภาพก็ขอให้ช่วยเป็นกำลังช่วยกัน เพราะตรงจุดนี้สถานการณ์บ้านเมืองช่วงนี้มีศึกสงคราม หลายๆคนก็ทำบุญช่วยเหลือไปทางแนวหน้ากันค่อนข้างมาก การสร้างพระที่เราจะต้องสร้างก็มีความสำคัญ เพราะจะเป็นกำลังที่เปิดเข้าสู่ยุคชาววิไล ซึ่งจะปรากฏในช่วงกึ่งสมัยรัชกาลที่ 10 ตามคำทำนายที่ครูบาอาจารย์ท่านสอนที่ท่านบอกไว้ ก็ให้เราทุกคนร่วมใจกัน ให้การจัดสร้างสำเร็จลุล่วงไปได้ และสำหรับท่านใดที่มีเวลา ก็ไปร่วมจิตร่วมใจในงานหล่อพระพุทธรูปพระเจ้าองค์แสนดวงจิตพระนิพพาน ในวันเสาร์ 5 ที่ 27 กันยายน ที่โรงหล่อองค์ปฐมใกล้กับวัดท่าซุงนะครับ รายละเอียดก็ติดตามเอาต่อไป
สำหรับวันนี้ก็ขอโมทนาบุญกับทุกคน ช่วงนี้เป็นช่วงศึกสงคราม พยายามอธิษฐานจิต อาราธนายันต์เกราะเพชร อาราธนากำลังพุทธานุภาพ ทรงภาพพระ 3 ฐานไว้ให้ได้ทุกวันเสมอ โดยเฉพาะอย่างยิ่งยันต์เกราะเพชรเรารับมาแล้วก็นึกให้เห็นยันต์ปิดหน้าปิดกลางกระหม่อมปิดข้างหลังปิดหน้าอกคลุมกายทั้งหมดไว้ แล้วก็อย่าลืมที่ช่วยกันปลุกยันต์เกราะเพชรคลุมคุ้มครองประเทศไทยไว้ให้ทุกวัน อันนี้ก็ถือว่าเป็นกำลังสำคัญนะ เราก็เป็นกองทัพธรรมะ เราฝึกเจริญพระกรรมฐานจนได้ฌานสมาบัติ เราก็ใช้กำลังฌานสมาบัติช่วยประเทศชาติบ้านเมืองเราไม่ได้ไปรบ อันนี้ก็ฝากไว้นะ ให้เราทุกคนทำให้เป็นปกติ แต่ละวันนี้ก็ขอโมทนาบุญกับทุกคน สำหรับวันนี้ขอให้ทุกคนมีสุขภาพสมบูรณ์แข็งแรงมีความเจริญรุ่งเรืองก้าวหน้าทั้งทางโลกทางธรรม
สำหรับวันนี้ สวัสดีครับ
ถอดเสียงและเรียบเรียงโดย : คุณรัตนา